หัวหน้าทีมพัฒนาซอฟต์แวร์
มาร์ท - ชาญพิชญ์
ที่ ttb spark เราให้ความสำคัญกับการเลือก Tech Stack ที่ต้องตอบโจทย์ทั้งความต้องการของธุรกิจ และมี Innovation ใหม่ๆ รวมถึงเรื่อง Scalability, Security, และ Maintainability
Backend Stack เราเลือกใช้ Spring Boot ที่เป็น Extension ของ Java Spring Framework เพื่อเพิ่มความเร็วในการ Coding และยังมี Security ที่ครอบคลุมเหมาะกับการเงินการธนาคาร และตอนนี้ทีมกำลังประเมินที่จะนำ Golang มาใช้ เพื่อเน้นเรื่อง Load Time
ส่วน Mobile เราใช้ Kotlin สำหรับ Android และ Swift สำหรับ iOS รวมถึงเลือกใช้ Flutter สำหรับ Multi-platform Coding ซึ่งช่วยให้สามารถพัฒนาแอปได้เร็วขึ้นโดยไม่ลด Performance และยังสามารถ Support Native Features บางตัวได้อีกด้วย
ในด้าน Frontend ทีมเราใช้ React และ Angular ซึ่งช่วยสร้าง Responsive UI ที่ใช้งานง่ายและสามารถปรับแต่งเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
ท้ายสุด ในส่วนของ Data Processing เราใช้ Apache Kafka สำหรับ Real-time Streaming Data ครับ
ความท้าทายหลักคือการสร้างแอป ทีทีบี ทัช ให้มีทั้ง Business Roadmap ที่แข็งแกร่ง และสามารถรองรับผู้ใช้งานหลายล้านคนที่มีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับความท้าทายในเรื่องอื่นๆ คือ
1. Innovation Team with Financial Compliance การธนาคารมีข้อกำหนดด้าน Compliance ในขณะเดียวกันยังต้องตามเทคโนโลยีให้ทัน การหาสมดุลระหว่างการคิดนอกกรอบและการยึดตาม Compliance จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทาย
2. Deliver Speed vs. Deliver Quality ผู้ใช้งานย่อมคาดหวังให้แอปทำงานรวดเร็วและต้องมีฟังก์ชันใหม่เสมอ เราเลยต้องหาสมดุลระหว่างการออกแบบที่สามารถรองรับผู้ใช้บริการจำนวนมากๆ ได้ และต้องมี Zero Downtime แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องรองรับฟังก์ชันใหม่ๆ เสมอ
3. Team Ownership และ Talent Management การทำให้ทุกคนรู้สึกมีความเป็นเจ้าของ ทีทีบี ทัช จะมีส่วนช่วยให้ทีมตัดสินใจได้ดีที่สุด โดยคำนึงถึง Users เป็นหลัก นอกจากนี้ การดูแลพัฒนาคนในทีม และสร้างสภาพแวดล้อมที่มีทั้งความท้าทายและสนับสนุนให้ทีมเติบโตไปพร้อมๆ กันก็เป็นอีกหัวใจสำคัญครับ
สิ่งที่ผมคิดว่ามี Impact มากที่สุดคือการนำ AI และ ML (Machine Learning) มาใช้ในสาย Banking เพราะการใช้ทั้ง 2 อย่างมาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ทำให้เราสามารถสร้าง Personalized Experience ได้ดียิ่งขึ้น เช่น การแนะนำผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับ Lifestyle หรือ Credit Score หรือแม้แต่การใช้ AI มาตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ
ดังนั้น เพื่อใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมมุ่งเน้นการพัฒนาทีม 3 ด้านหลัก ได้แก่
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างทีม คือการมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน ทุกคนเข้าใจในเป้าหมายเดียวกัน และพร้อมเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อทุกคนในทีมมองเห็นจุดหมายเดียวกันและร่วมมือกันแล้ว เราจะสามารถสร้างระบบที่ตอบโจทย์ธุรกิจ และสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง
ทักษะหรือ Soft Skills ที่ผมมองว่าจำเป็นนอกจาก Hard Skills คือ Problem Solving, Critical Thinking, Team Collaboration, Passion to Create Impact, Continuous Learning และ Product Ownership ครับ
ในการสร้างสมดุลระหว่าง Innovation และ Compliance ถือเป็นความท้าทายที่ต้องบริหารจัดการภายในทีมอย่างรอบคอบ แนวทางหลักจะเป็นการใช้แนวคิดแบบ DevSecOps เพื่อรวม Security, Quality, Operation and Software Development เข้าด้วยกัน และต้องมีการทำ Risk Assessment หรือ Risk Analysis อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการหา Balance ระหว่าง Functional Requirements และ Non-functional Requirements ด้วย
อีกสิ่งคือ Innovation Lab (Sandbox) ที่เปิดให้ทีมใช้เวลาช่วง Sprint Brake หรือช่วง Slow Pace มาทดลองสร้างสิ่งใหม่ๆ เช่น POC, Mini Hackathon, Learning Sprint, ฯลฯ และท้ายสุด จะเป็นการพยายามวางแนวคิดของทีมให้เข้าใจเรื่องของ Compliance ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องที่สร้างความยุ่งยาก แต่เป็นเรื่องของโอกาสที่ได้ทำ Innovation ใหม่ๆ มากกว่า
สิ่งที่ตื่นเต้นที่สุด คือการได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่กำลังเติบโตและสามารถสร้างสิ่งที่พวกเขามั่นใจ ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ที่มอบคุณค่าให้แก่ผู้ใช้ หรือการสร้างนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงประสบการณ์การธนาคารไปอย่างสิ้นเชิง ผมอยากให้ทุกคนในทีมเห็นว่าเราคือคนสร้าง Beyond Banking เราไม่ใช่แค่คนทำงานในธนาคาร แต่เรากำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับธนาคาร
อีกสิ่งคือความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ และต่อยอดไปสู่ความสำเร็จ ผมสนับสนุนให้ทีมลองทำสิ่งใหม่ๆ เพราะความกล้า และบทเรียนจากความผิดพลาดเป็นพื้นฐานของความสำเร็จ ได้ลองทำยังดีกว่าไม่คิดจะทำเลย